ทำความรู้จักกับ ‘คุณฮิม-อัครวัฒน์ นิธิพรพันธ์’ ผู้ก่อตั้งบริษัท aHope Creative House ควบตำแหน่งผู้กำกับจาก ‘No More Normal’ Production House ที่อยู่เบื้องหลังความคิดสร้างสรรค์ให้กับแบรนด์ชั้นนำมากมาย
วันนี้ชวนคุณฮิม มาแบ่งปันประสบการณ์ในการทำงานของคนเบื้องหลังโฆษณามาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี สะท้อนมุมมองในวันที่เขาเติบโตจากคนทำงานโฆษณาไฟแรงสู่คนทำงานมากประสบการณ์ ที่ทำให้เขาก้าวเข้าสู่อาชีพผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาอย่างเต็มตัวจนถึงทุกวันนี้
เส้นทางการเป็น “ผู้กำกับ” โฆษณา
จากจุดเริ่มต้นของการเป็นคนชอบ ‘เล่าเรื่อง’ และฝันอยากเป็นผู้กำกับตั้งแต่สมัยเรียนจึงทำให้เขาเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ประกอบกับเส้นทางชีวิตที่มีโอกาสได้สัมผัสเสน่ห์ของวงการโฆษณา ทำให้คุณฮิมค้นพบอีกหนึ่งศาสตร์ที่สามารถ ‘ถ่ายทอดเรื่องราว’ ในรูปแบบภาพยนตร์โฆษณา สื่อสารกับผู้คนได้อย่างรวดเร็วและเข้าใจได้ภายในเวลาที่จำกัด ทั้งยังมีรูปแบบเดียวกับการกำกับภาพยนตร์อย่างที่เคยใฝ่ฝัน ที่สามารถสร้างผลงานขึ้นมาแล้วทำให้ผู้คนมีอารมณ์ร่วมได้ทั้งมีความสุข สนุก และรู้สึกเศร้า
คุณฮิมเริ่มต้นเส้นทางนี้ด้วยการฝึกงานในสายครีเอทีฟ และเริ่มสั่งสมประสบการณ์หลังเรียนจบด้วยการทำงานจริง ตั้งแต่เป็นครีเอทีฟรายการเพลงลูกทุ่ง รายการซิทคอม ไปสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่ทำให้ก้าวเข้าสู่โลกของการเป็นผู้ใหญ่ ในบทบาทของครีเอทีฟรายการวิทยุ พร้อมหน้าที่ความรับผิดชอบโปรเจคใหญ่รายการ ทำให้คุณฮิมก้าวผ่านความเป็นเด็ก และเข้าใจวิธีการสู้ การคิด และการทำงานแบบผู้ใหญ่
หลังจากที่สั่งสมประสบการณ์งานด้านครีเอทีฟมาพอสมควรก็ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง คุณฮิมตัดสินใจลาออกเพื่อมาทำสิ่งที่ชอบ ซึ่งคือวงดนตรี ในขณะเดียวกันก็ได้เข้าไปแคสติ้งงานโฆษณา และด้วยวัยที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จากที่เคยสนใจแค่ด้านการแสดงหรือค่าขนมที่ได้จากการทำงาน คุณฮิมในวัยที่ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่เริ่มให้ความสนใจกับงานในกองถ่ายและเริ่มสังเกตการทำงานของผู้กำกับ จนรู้สึกสนุกไปกับงาน เริ่มซึมซับจากการไปแสดงโฆษณาทำให้รู้สึกว่าการทำงานเหมือนกับกองถ่ายหนัง และสังเกตเห็นว่าการทำงานของผู้กำกับโฆษณาเป็นเหมือนความฝันที่อยากเป็นผู้กำกับหนัง และจับต้องได้ง่ายกว่า จนเกิดเป็นจุดเปลี่ยนให้ก้าวเข้าสู่การทำงาน Production และเป็นช่วงที่ตัดสินใจยกเลิกโปรเจคส์ทำวงดนตรี จนได้มารวมตัวกับเพื่อนเปิดบริษัทด้วยกัน
ช่วงแรกที่เปิดบริษัทขึ้นมาคุณฮิมและเพื่อนก็เริ่มรับงานอย่างจริงจัง แต่ด้วยความเป็นเด็กใหม่ในวงการโฆษณาทำให้ต้องพยายามให้มากขึ้น ทั้งยังต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่มีโอกาสหยิบยื่นเข้ามาในฐานะของผู้กำกับ จากความพร้อมที่มีการเตรียมตัวอยู่ตลอดกทำให้คุณฮิมคว้าโอกาสนี้ไว้อย่างไม่ลังเล กับการขึ้นเป็นผู้กำกับครั้งแรก และผลงานชิ้นนั้นก็กลายเป็นผลงานที่ทำให้เกิดการเติบโตในฐานะผู้กำกับ ประกอบกับที่ช่วงเวลานั้นก็ถือเป็นยุคเปลี่ยนผ่านที่โฆษณาออนไลน์เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และในที่สุดก็ได้มีโอกาสกำกับงานโฆษณาชิ้นแรก
ด้วยความมุ่งมั่นนี้ประกอบกับประสบการณ์และความกล้าที่มีอยู่เต็มหัวใจ ทำให้มีโอกาสได้กำกับโฆษณาชิ้นที่สองซึ่งเป็นชิ้นงานแจ้งเกิด ผลงานกำกับโฆษณาชิ้นนั้นได้รับตอบรับเป็นอย่างดี จนมีเอเจนซี่ต่างๆ เริ่มติดต่อเข้ามา ธุรกิจก็เริ่มเติบโตขึ้น จนปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้วในการทำสายงานผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา
สไตล์การกำกับที่เป็นลายเซ็นเฉพาะตัว
นักแสดงในหนังของเราจะพูดเหมือนผู้กำกับ เพราะว่าเวลากำกับ เราใส่ตัวเราเข้าไปด้วย
คุณฮิมเล่าว่าสไตล์การกำกับของคุณฮิมเน้นเป็นสายจังหวะ จะมีความเป็นซิทคอม โดยผลงานของคุณฮิมจะเป็นหนังตลกที่มีเรื่องของอารมณ์เข้ามา ทั้งตลก เศร้า เหงา ประกอบกับประสบการณ์ที่เคยเป็นนักแสดงมาก่อน ทำให้ผลงานของคุณฮิมมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไปด้วยการใส่ตัวตนลงไปในผลงานผ่านการถ่ายทอดที่กำหนดอารมณ์คน เล่นกับอารมณ์ของคนและเล่นกับวิธีการแสดง
มุมมองการทำงานในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา
เรามองว่าโฆษณาคืออาชีพที่เรารู้สึกว่าอยากทำ และเราทำได้ดี การทำโฆษณาไม่ใช่แค่ทำหนังได้ แต่ต้องขายงานเก่ง ถ้าขายงานลูกค้าไม่เก่ง แล้วจะขายของในโฆษณายังไง วิธีขายของเราไม่ใช่ขายฝัน เพราะเราต้องทำได้จริง วิธีการทำงานของเราจะเหมือนเวลาเราคิดหนังหนึ่งเรื่อง และไม่ได้ขายแค่มุมภาพสวย วิธีของเราคือเราจะเล่าอะไร ทำแบบนี้ได้ผลลัพธ์อะไร เพราะเวลาขายงานลูกค้าเราต้องมีคำตอบได้หมด ต้องผ่านกระบวนการความคิดมาแล้วทุกขั้นตอน
ตลอดเส้นทางกว่าจะก้าวเข้ามาเป็นผู้กำกับได้ทุกวันนี้ถามว่ากลัวไหม คุณฮิมเล่าว่า
ไม่กลัวครับ ถ้ากลัวจะทำไม่ได้ เราต้องเป็นคนตัวเล็กที่ไม่กลัว เป็นคนตัวเล็ก แต่ใจมันใหญ่ กล้าที่จะทำ ถ้าเรากลัว เราจะทำไม่ได้เพราะกลัวไปแล้ว แต่เราไม่ใช่คนกลัว เราเป็นคนกล้า และไม่ใช่คนกล้าที่ผลีผลาม
การก้าวเข้ามาในวงการโฆษณาพร้อมกับการละทิ้งความกลัวและก้าวสู่สิ่งใหม่ด้วยความกล้า ทำให้คุณฮิมเติบโตในบทบาทของผู้กำกับไปพร้อมกับ ‘No More Normal’ Production House ทีมงานมืออาชีพซึ่งผลิตงานคุณภาพออกมาจำนวนมากในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาด้วยลายเซ็นของ ‘ความไม่ธรรมดา’ รวมถึงเปิดบริษัท Hope Creative House มาได้จนถึงทุกวันนี