Happy International Women’s Day 2025 เฉลิมฉลองวันสตรีสากลปีนี้ไปกับเรื่องราวของ เชฟแอนนี่-อังคณา เอี่ยมสอาด ซึ่งเรารู้จักกันเบื้องหน้าในฐานะเชฟใหญ่และเจ้าของร้านอาหาร “Baan Dalaa by Angkana – บ้านดาหลา บาย อังคณา” ในอาคารทรงไทยสไตล์โคโลเนียลอายุกว่าร้อยปีที่ซอยเกษมสันต์ 3 แต่เบื้องหลัง เชฟแอนนี่ย่อมมีบทบาทที่มากกว่าการเป็นเชฟ เธอคือหญิงสาวผู้สามารถปลดแอกตัวเอง ผ่านการทำความรู้จักและเรียนรู้เรื่องความชอบความรักข้างในหัวใจ ข้ามผ่านความกลัวทั้งหลายเพื่อก้าวสู่เส้นทางใหม่พร้อมความแข็งแกร่ง

ทุกคนต่างรู้ดีว่าชีวิตไม่เคยง่าย มีบททดสอบมากมาย แต่นั่นอาจทำให้เราเติบโตไปอีกขึ้น เช่นเดียวกันเชฟแอนนี่ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยบทบาทหน้าที่หลากหลาย จากลูกสาวคนเดียวของครอบครัว เพื่อนสาวผู้รักการสร้างสรรค์และแบ่งปันรสมือแก่คนรอบข้าง สู่ภรรยาผู้มอบความใส่ใจ และคุณแม่ต้นแบบของลูกๆ รวมทั้งเป็นเชฟผู้ให้ความสำคัญกับคุณค่าในทุกจานอาหาร ตลอดจนเป็นผู้บริหารที่ต้องดูแลทุกด้านในร้านอย่างรอบคอบ
เชฟแอนนี่ไม่ได้เริ่มต้นอาชีพ “เชฟ” จากความฝันในวัยเด็ก พอลองมองย้อนกลับไปในยุคสมัยที่ยังอาศัยกับคุณพ่อคุณแม่บนเกาะพงัน เธอชอบเข้าครัว ช่วยหยิบจับและเป็นลูกมือยามอยู่ที่บ้านเสมอ ความชอบนี้สะสมอยู่ในตัวเธอตลอดมา แต่ก็ไม่เคยคิดฝันว่าวันหนึ่งจะถึงขั้นมีร้านอาหาร แม้กระทั่งช่วงเวลาหลังเรียนจบและเข้าสู่มหาวิทยาลัย
ความชอบเข้าครัวไม่เคยจางหายไป เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน กระทั่งความชอบนั้นมีสีสันมากขึ้นและเติบใหญ่ เธอหลงใหลในเสน่ห์ของอาหาร เธออยากลองทำและลองกิน เธอมีคำถามและอยากได้คำตอบ เธอยอมรับว่าไม่รู้และตั้งใจจะเรียนรู้ คุณสมบัติของการเป็นผู้ใฝ่เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ นำไปสู่ความพร้อม และก้าวผ่านความกลัวเพื่อลงมือทำเมื่อได้รับโอกาส
“เราเชื่อเรื่องการทำตัวให้พร้อมเสมอ เพราะเมื่อโอกาสมาถึง เราจะสามารถรับมือกับมันได้แต่อันที่จริง เราก็เคยมีช่วงเวลาที่ไม่พร้อมเหมือนกัน เวลาที่ต้องเผชิญกับอะไรที่ยิ่งใหญ่ มักจะมีข้ออ้างอยู่เสมอ เราเลยไปเรียน และที่เรียนเยอะๆ เป็นเพราะความกลัวนี่แหละ” เชฟแอนนี่กล่าว
“การเรียน” อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เชฟแอนนี่มองว่า ช่วยตอบความสงสัยและเสริมสร้างความมั่นใจให้เธอ เมื่อเริ่มรู้สึกสนใจเรื่องใหม่ๆ ก็มักจะหาความรู้มาตอบโจทย์ ไม่ใช่แค่เรื่องการทำอาหาร ยังรวมไปถึงการเติมเต็มด้านจิตวิญญาณ ที่ช่วยประคับประคองและสนับสนุนจิตใจ ด้วยเหตุนี้เอง เชฟแอนจึงกลายเป็นคนที่เปิดใจกว้างในการรับสิ่งใหม่ พร้อมเรียนรู้และเข้าใจตัวเองในขณะเดียวกัน

จากคนรักการทำอาหารสู่บทบาท “เชฟหญิง”
เมื่อความพร้อมเต็มปรอท เชฟแอนนี่ได้ก้าวออกจากเซฟโซนและเปลี่ยนความชอบเป็นอาชีพใหม่ ด้วยการเปิดร้านอาหารแห่งแรกที่ชื่อว่า ‘ณ ลำพญา อาหารไทยไทย’ นำเสนอไอเดียโอมากาเสะอาหารไทย อันรังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบโลคอล ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีและส่งกำลังใจให้เธอกล้าก้าวต่อ
เชฟแอนนี่สั่งสมประสบการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ บนเส้นทางนี้ และถ่ายทอดฝีมืออันโดดเด่นด้วยใจรัก ผ่านการจัด Chef’s Table เสิร์ฟกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น

จนกระทั่งเธอได้ประสบโอกาสที่เหมาะสมอีกครั้ง กับการเปิดร้านใหม่ที่นำเสนอตัวตนอีกด้านขึ้นมา “Baan Dalaa by Angkana” เสิร์ฟอาหารใต้ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเกาะพงัน ภายใต้บรรยากาศบ้านแสนอบอุ่น นอกจากจะมัดใจคนไทยในกรุงเทพฯ ได้แล้ว นักท่องเที่ยวกับชาวต่างชาติก็มาเยือนเพื่อลิ้มรสวัตถุดิบคุณภาพท้องถิ่นซึ่งน่าภาคภูมิใจในการนำเสนอ นี่คือหนึ่งในความสำเร็จที่ทำให้เชฟแอนนี่เชื่อมั่นในตัวเอง แม้ว่าจะยังมีความกลัวหลงเหลืออยู่บ้าง




“งานอาหารในครัวต้องใจรัก เพราะงานหนัก บางทีก็มีท้อเหมือนกัน แต่เพราะอยากทำก็เลยมองข้ามไป” เชฟแอนนี่ล่าด้วยสายตาและน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ เพราะเป็นสิ่งที่เชฟรักจนยอมรับและมองข้ามความเหนื่อยล้าในทุกขั้นตอนของการทำอาหารไป
ในอีกมุมหนึ่ง การเปิดร้านอาหารของตัวเองทำให้เธอได้รับบทบาทใหม่ๆ หลายอย่าง หากไม่นับการเป็นหัวหน้าเชฟในครัว เธอคือผู้บริหารที่ต้องการจัดงานต่างๆ นอกเหนือเรื่องรสชาติหน้าเตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการสื่อสารกับผู้คน
“งานร้านอาหารต้องทำงานกันเป็นทีม การสื่อสารจึงสำคัญ วิธีจัดการคือการพยายามเข้าใจสถานการณ์ รับฟัง แล้วค่อยตอบ เพราะมีลูกเลยรู้สึกว่าดีลกับคนง่าย เหมือนได้เรียนรู้จิตวิทยาในการสื่อสาร และมีทักษะในด้านนี้เพิ่มขึ้นมา” เซฟแอนนี่ยอมรับว่าเธอพร้อมกล่าวคำขอโทษเสมอเมื่อได้พูดคุยกับผู้ร่วมงานด้วยเหตุผล เพราะสิ่งสำคัญในชีวิตของเธอคือการรักษาความสัมพันธ์
“แม้ว่าเราไม่ชอบใจอะไร ก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าเราไม่สามารถบังคับหรือควบคุมอะไรได้เลย คิดว่าเป็นเรื่องของการยอมรับความจริงให้ได้มากกว่า ซึ่งยาก แต่ก็ต้องทำ”

เมื่อจบวัน บทบาทและหน้าที่ในร้านอาหารจบลง บทบาทของคุณแม่ลูกสองก็เข้ามาแทนที่ หลังเดินทางกลับบ้านสู่ครอบครัว เป็นบทบาทที่เธอพยายามอย่างเต็มกำลังกายและกำลังใจ “ทุกวันนี้ในฐานะที่เป็นแม่ เรามีหน้าที่ปกป้องและดูแล ลูกอยากทำอะไร ทำได้เลย อยากให้ลูกเดินมาบอกว่าอยากเป็นอะไร อยากดูแล อยากอยู่เคียงข้าง และอยากจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ และจะพูดกับลูกตลอดว่าบางทีแม่ไม่ได้ทำถูกทุกเรื่อง ถ้าทำอะไรไม่ดี ก็จะขอให้เขาบอกเรา”
สำหรับเชฟแอนนี่ การทำความเข้าใจตัวเองไม่ได้นำมาสู่การชนะความกลัวเท่านั้น แต่ยังทำให้เธอได้สร้างความสัมพันธ์เชิงบวกต่อตัวเอง ขยายไปยังคนรอบข้าง ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน รวมทั้งลูกค้าด้วย

ถ้าตอนนี้มีใครสักคนที่กำลังรู้สึกหวาดหวั่นหรือท้อใจด้วยหลายๆ บทบาทที่ตัวเองต้องรับมือ เชฟแอนนี่อยากฝากบอกทุกคนที่มีความตั้งใจดีว่า
“อย่ากลัว สู้กับมัน แล้วก็เชื่อว่าเราทำได้ค่ะ”
และนี่คือเรื่องราวเพียงส่วนหนึ่งของเชฟแอนนี่ ไม่ใช่เรื่องราวของการแนะแนวสูตรสำเร็จสู่อาชีพเชฟ แต่คือการถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กสาวที่เคยขาดความมั่นใจสู่สตรีผู้อยากทำความเข้าใจภายในตนเอง เปี่ยมไปด้วยความเชื่อ และไม่ยึดติดกับความคิดเชิงลบ เพื่อดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข