Epiphany นิทรรศการเดี่ยวโดย ภาคภูมิ ศิลาพันธ์ นำเสนอศิลปะจากวัตถุข้าวของสำเร็จรูปผสานเรื่องราวอันเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ศิลปะโลกหลากยุคสมัย 

ภาคภูมิ ศิลาพันธ์ ศิลปินร่วมสมัยชาวไทย ผู้มีผลงานจัดแสดงในแกลเลอรีชั้นนำ ทั้งในลอนดอน, ลิเวอร์พูล, ประเทศอังกฤษ และอีกหลายประเทศทั่วโลก ทั้งนิวยอร์ก, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, อินเดีย, ฮ่องกง, ฝรั่งเศส ผลงานของเขาถูกสะสมโดยพิพิธภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกอย่างพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งนิวยอร์ก (MoMA), พิพิธภัณฑ์บรูคลิน รวมถึงนักสะสมศิลปะร่วมสมัยชั้นนำของโลกอย่าง เซอร์ พอล สมิธ , มินนี่ ไดรเวอร์ และ ริชาร์ด เคอร์ติส ฯลฯ

ภาคภูมิมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาได้ใช้ชีวิตวัยเด็กในจังหวัดสุโขทัย หลังจากนั้นได้เรียนต่อในสาขาวิชาเครื่องเคลือบดินเผา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากรที่กรุงเทพมหานคร เมื่อจบการศึกษาภาคภูมิได้หันเหไปทำงานในแวดวงโฆษณาอยู่สองปี ก่อนที่จะเดินทางไปเรียนต่อทางด้านศิลปะที่สถาบัน แคมเบอร์เวล คอลเลจ ออฟ อาร์ตส และ เชลซี คอลเลจ ออฟ อาร์ต แอนด์ ดีไซน์ ใน กรุงลอนดอน, ประเทศอังกฤษ

เขาเริ่มต้นอาชีพทางศิลปะด้วยผลงานศิลปะสื่อผสมที่ได้รับอิทธิพลทางความคิดจากกระแสเคลื่อนไหวทางศิลปะนีโอ-ดาดา (Neo-Dada) ต้นธารของป๊อปอาร์ต โดยใช้เทคนิคปะติดเศษวัสดุเก็บตกเหลือใช้อย่าง กล่องบรรจุภัณฑ์หรือวอลเปเปอร์เก่าๆ เข้ากับชิ้นส่วนของสิ่งพิมพ์ต่างๆ อย่างพาดหัวข่าวและเกมปริศนาอักษรไขว้ในหนังสือพิมพ์ ผสมผสานกับเทคนิคการพิมพ์ซิลค์สกรีน ทำให้เขาเริ่มเป็นที่จับตาของเหล่านักสะสมงานศิลปะร่วมสมัยในลอนดอน

กระทั่งในเวลาต่อมา ศิลปินได้มีการหยิบเอาวัตถุข้าวของสำเร็จรูปที่หลายคนอาจเคยเห็นคุ้นตาในร้านค้าตามต่างจังหวัดอย่างป้ายโฆษณาน้ำอัดลมโลหะเก่าๆ อาทิ ป้ายโค้ก, เป๊ปซี่, แฟนต้า, สไปรท์, เซเว่นอัพ ฯลฯ ที่เขาเก็บสะสมไว้ตั้งแต่ยังเยาว์วัย มาสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะ ด้วยการหยิบเอาภาพของบุคคลผู้มีชื่อเสียงโด่งดังระดับตำนานของโลกในแวดวงต่างๆ มาปะติดบนป้ายน้ำอัดลมเหล่านี้ในรูปแบบคล้ายภาพขาวดำในสิ่งพิมพ์ ผสานกับภาพวาดลายเส้นแบบการ์ตูนอันเรียบง่ายแต่เปี่ยมสไตล์ จนทำให้ผลงานของเขากลายเป็นที่รู้จักในวงการศิลปะระดับสากล

สำหรับ Epiphany นิทรรศการแสดงเดี่ยวครั้งล่าสุดนี้ ศิลปินพัฒนาแนวทางการทำงานศิลปะกับวัตถุข้าวของสำเร็จรูปของเขาขึ้นอีกระดับ ด้วยการหยิบเอาวัตถุข้าวของสำเร็จรูปเก่าๆ ที่เก็บสะสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน สร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะ ด้วยการวาดตัวหนังสือถ้อยคำลงบนตัววัตถุข้าวของสำเร็จรูปเหล่านี้

แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ ถ้อยคำที่เขาเขียนเหล่านี้ต่างทำหน้าที่เชื่อมร้อยความหมายในตัวของวัตถุข้าวของสำเร็จรูปที่ว่านี้เข้ากับประวัติศาสตร์ศิลปะโลกหลากยุคสมัย รวมถึงวัฒธรรมป๊อปในโลกสากล อย่างเปี่ยมไหวพริบปฏิภาณ สนุกสนาน และเต็มไปด้วยอารมณ์ขันชวนหัว ไม่ต่างอะไรกับการผสานแนวคิดแบบ เรดี้เมดส์ (readymades) ของศิลปินชาวฝรั่งเศส-อเมริกันผู้ส่งอิทธิพลทางความคิดต่อวงการศิลปะสมัยใหม่มากที่สุดคนหนึ่งอย่าง มาร์แซล ดูชองป์ (Marcel Duchamp) ซึ่งเป็นการนำเอาวัตถุและข้าวของธรรมดาที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวันมาทำให้กลายเป็นศิลปะ เข้ากับการเล่นมุกตลกทางภาพที่เชื่อมโยงกับภาษาและความหมายของตัววัตถุที่นำเสนอ หรือ Visual pun (การเล่นคำด้วยภาพ) ที่ปรากฏในในผลงานของศิลปินคนสำคัญในขบวนการศิลปะเซอร์เรียลลิสม์ (Surrealism) ชาวเบลเยียมอย่าง เรอเน มากริตต์ (René Magritte) 

อีกทั้งภาคภูมิยังลดความเคร่งเครียดจริงจังของเนื้อหาในผลงานชุดนี้ของเขา ด้วยการเขียนตัวหนังสือในลักษณะหวัดแกมบรรจง คล้ายกับตัวหนังสือในหนังสือการ์ตูน หนำซ้ำบางครั้งยังเขียนผิด ขีดฆ่า และเขียนแก้ใหม่อย่างจงใจหลงเหลือให้เห็นความผิดพลาด ซึ่งแนวทางการทำงานเช่นนี้ยังได้แรงบันดาลใจมาจากการทำงานของ ฌอง-มิเชล บาสเกีย (Jean-Michel Basquiat) ผู้เป็นที่รู้จักจากผลงานภาพวาดกึ่งนามธรรมลายเส้นอิสระ ผสานกับการเขียนตัวหนังสือถ้อยคำแบบศิลปะกราฟิตี้ลงไปบนภาพวาดอีกด้วย

นอกจากนี้ในนิทรรศการยังมีผลงานที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในการเล่นสนุกกับตัวงานศิลปะ ซึ่งเป็นรูปแบบที่พ้องกับแนวคิด สุนทรียศาสตร์เชิงสัมพันธ์ (Relational Aesthetics) อันเป็นแนวทางศิลปะที่แหวกขนบธรรมเนียมเดิมๆ ทางศิลปะ ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ชมเข้ามามีปฏิสัมพันธ์ตอบโต้กับผลงานศิลปะ เพื่อลดช่องว่างระหว่างศิลปะกับผู้ชม จากที่เคยได้เพียงดูแต่ตาเฉยๆ เท่านั้น

ด้วยการทำผลงานศิลปะในลักษณะนี้ออกมาเป็นจำนวนมากมายนับพันชิ้น ทำให้นิทรรศการครั้งนี้ของภาคภูมิไม่ต่างอะไรกับการสร้างแผนที่ความคิด (Mind Map) ของเขา เพื่อท้าทายให้ผู้ชมเดินทางตามรอยสำรวจเส้นทางแห่งความคิด เพื่อค้นหาและไขปริศนาแห่งแรงบันดาลใจของศิลปินที่ซุกซ่อนอยู่ในผลงานศิลปะแต่ละชิ้นของเขานั่นเอง


นิทรรศการจัดแสดงตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2568

ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม

พิกัด

  • Next Door Project ซอยสาธุประดิษฐ์ 5 ช่องนนทรี ยานนาวา กรุงเทพฯ 
  • เปิดวันจันทร-เสาร์ เวลา 10.00-17.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)
  • มีที่จอดรถ